ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แบรนด์แฟชั่นระดับโลกหลายเจ้าหันหลังให้กับ หนังสัตว์ และเลือกใช้หนังเทียมแทนแบบเต็มตัว ไม่ใช่แค่เรื่องของเทรนด์หรือความประหยัดเท่านั้น แต่ยังมีเบื้องหลังด้านจริยธรรม ความยั่งยืน และนวัตกรรมที่น่าสนใจมากมาย สำหรับเพื่อนๆ ที่ยังสงสัยว่าทำไมแบรนด์หนังเทียมถึงกลายเป็นตัวเลือกหลักของวงการ วันนี้เรามาเจาะลึกกันแบบเป็นมิตร เข้าใจง่ายแน่นอน
หนังเทียมคืออะไร ทำไมถึงมาแทนที่หนังแท้ได้
เมื่อพูดถึง “หนังเทียม” หลายๆ คนอาจนึกถึงวัสดุที่ดูไม่หรูหราเท่าหนังแท้ หรืออาจเคยเจอสินค้าที่ดูสึกง่าย แตกเร็ว แต่ในความเป็นจริง หนังเทียมยุคใหม่ ได้พัฒนาไปมากกว่านั้นแบบก้าวกระโดดจนหลายแบรนด์แฟชั่นระดับโลกยังเลือกใช้งานอย่างจริงจัง
สำหรับเพื่อนๆ ที่อาจยังไม่คุ้นเคย หนังเทียมคือวัสดุที่ถูกออกแบบมาให้ “เลียนแบบหนังสัตว์” ทั้งในเรื่องของผิวสัมผัส ความยืดหยุ่น และความทนทาน โดยไม่ต้องพึ่งพาการฆ่าสัตว์หรือกระบวนการฟอกหนังที่ทำลายสิ่งแวดล้อม
หนึ่งในเหตุผลที่หนังเทียมกำลังแทนที่หนังแท้ได้อย่างชัดเจน คือ การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้บริโภค เพราะเพื่อนๆ หลายคนเริ่มหันมาใส่ใจเรื่องสิทธิสัตว์ รวมถึงความยั่งยืนของโลก ซึ่งนั่นทำให้ทั้งแบรนด์หน้าใหม่และแบรนด์หนังเทียมชั้นนำเริ่มพัฒนาเทคโนโลยีวัสดุเพื่อให้ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพและจริยธรรมได้ในคราวเดียว
หนังเทียมสมัยใหม่พัฒนาไปไกลแค่ไหนแล้ว
หนังเทียมในวันนี้ไม่ใช่แค่ PVC แบบเดิมๆ ที่แห้งกรอบหลังจากใช้ไม่กี่เดือนอีกต่อไปแล้วนะเพื่อนๆ ปัจจุบันมีการพัฒนาไปถึงระดับ Bio-based Leather หรือแม้แต่หนังเทียมจากพืช เช่น เห็ด ข้าวโพด และเปลือกแอปเปิลที่ทั้งย่อยสลายได้และปลอดสารเคมีอันตราย
ซึ่งแบรนด์หนังเทียมระดับโลก อย่าง Stella McCartney, Adidas หรือแม้แต่แบรนด์รถยนต์หรูอย่าง Tesla ต่างก็หันมาใช้หนังเทียมในผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เพราะตอบโจทย์ทั้งในด้านคุณภาพ ดีไซน์ และความรับผิดชอบต่อโลก
ไม่เพียงแต่แบรนด์ใหญ่เท่านั้นนะคะ เพราะตอนนี้เพื่อนๆ อาจเริ่มเห็นแบรนด์หนังเทียมสัญชาติไทยที่ออกแบบสินค้าแฟชั่นแบบ cruelty-free ได้อย่างโดดเด่นและสวยงามไม่แพ้แบรนด์ต่างประเทศกันแล้ว
เหตุผลที่แบรนด์แฟชั่นระดับโลกเลือกใช้หนังเทียม
ในอดีต “หนังแท้” คือสัญลักษณ์ของความหรูหราและพรีเมียม แต่ตอนนี้หลายแบรนด์ระดับโลกเริ่มหันมาเลือกใช้หนังเทียมมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ลองสังเกตดู จะพบว่าหลายคอลเลกชันใหม่ๆ จากแบรนด์ดังต่างก็เน้นการใช้วัสดุทางเลือกที่เป็นมิตรต่อสัตว์และสิ่งแวดล้อมมากขึ้น
หนึ่งในเหตุผลหลักก็คือ กระแสรักษ์โลกและจริยธรรม ที่กลายเป็นหัวใจสำคัญของวงการแฟชั่นยุคใหม่ การผลิตหนังจากสัตว์มีทั้งกระบวนการที่รุนแรงต่อสัตว์ ใช้พลังงานมหาศาล และก่อมลภาวะสูงมาก ต่างจากหนังเทียมที่พัฒนาแล้วจนสามารถทดแทนหนังแท้ได้แทบทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสัมผัส ความทนทาน หรือแม้แต่ดีไซน์
นอกจากนี้ เทคโนโลยีใหม่ๆ ยังทำให้แบรนด์หนังเทียมสามารถสร้างผลงานที่น่าสนใจและทันสมัยได้ไม่แพ้หนังแท้เลย
ตัวอย่างแบรนด์ระดับโลกที่เลิกใช้หนังสัตว์ และหันมาใช้หนังเทียมแทน
1. Stella McCartney
ถ้าพูดถึงแฟชั่นสายวีแกน เพื่อนๆ ต้องไม่พลาดแบรนด์นี้เลย เพราะ Stella McCartney คือผู้นำในการผลักดันการใช้หนังเทียมคุณภาพสูง มานานหลายปี โดยไม่แตะต้องหนังสัตว์เลยแม้แต่นิดเดียว แถมยังออกคอลเลกชันที่ใช้หนังจากพืช เช่น Mylo™ ซึ่งทำจากเส้นใยเห็ดอีกด้วย
2. Adidas
Adidas เป็นอีกแบรนด์ที่น่าชื่นชม เพราะหันมาใช้วัสดุรีไซเคิลและหนังเทียมจากพืช อย่าง “Mylo” กับรองเท้ารุ่นพิเศษ ซึ่งกลายเป็นกระแสไปทั่วโลก ถือเป็นก้าวสำคัญของวงการสปอร์ตแฟชั่นที่เลือกทางเลือกที่ยั่งยืน
3. Gucci
ถึงแม้ Gucci เคยใช้หนังสัตว์เป็นหลัก แต่ตอนนี้ก็เริ่มเปลี่ยนมาใช้วัสดุใหม่ๆ ที่มีความยั่งยืนมากขึ้น เช่น Demetra™ วัสดุที่พัฒนาขึ้นเองซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายหนัง แต่ไม่มีส่วนผสมของสัตว์เลย เหมาะสำหรับเพื่อนๆ ที่ยังชอบความหรูหรา แต่ไม่อยากสนับสนุนการใช้หนังแท้
เห็นไหมว่า เทรนด์การเลือกใช้หนังเทียมไม่ใช่แค่แฟชั่นหรือกระแสชั่วคราว แต่คือแนวทางใหม่ของวงการแฟชั่นระดับโลกที่ใส่ใจทั้งสิ่งแวดล้อมและสิทธิสัตว์ และแน่นอนว่าเมื่อแบรนด์ใหญ่ๆ หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้มากขึ้น การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์จากแบรนด์หนังเทียมก็กลายเป็นทางเลือกที่ทั้งมีสไตล์และมีหัวใจไปพร้อมกัน
หากเพื่อนๆ อยากสัมผัสประสบการณ์หนังเทียมแบรนด์ระดับโลก โดยไม่ต้องสั่งจากต่างประเทศ
เลือก Lim PVC Leather ร้านขายหนังเทียมคุณภาพ ที่พร้อมให้คำแนะนำเรื่องวัสดุ สี และการใช้งานในทุกอุตสาหกรรม